วันจันทร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

รู้จักกับการปฏิบัติธรรมครั้งแรก

จำไม่ได้ว่าตอนนั้นเรียนอยู่ ปวช. ปี 1 หรือ ปี 2
น่าจะเป็นช่วงปลายปีของภาคการศึกษานั้นแล้ว
มีเพื่อนที่เป็นกัลยาณมิตร 2 คน มาชวนให้ไปเข้าคอร์ส
ปฏิบัติธรรมกับคุณแม่ ดร.ศิริ กรินชัย
เพื่อนมาชวนหลายครั้ง...แต่ฉันก็ตอบปฏิเสธไปทุกครั้ง
"ไม่เอา...ไม่ไป...ต้องไปอยู่ตั้งหลายวัน..ตายแน่"
จนกระทั่งทนเพื่อนเซ้าซี้ไม่ไหว...จึงตอบตกลงแบบเสียไม่ได้

สร้างความประหลาดใจให้กับอาจารย์หลายๆ ท่าน
ที่เห็นเราเข้าร่วมปฏิบัติธรรมครั้งนั้น

เป็นการปฏิบัติธรรมครั้งแรกที่ทรมานมาก
ฉันไม่เห็นความสุข...ไม่มีความสนุกที่ตรงไหนเลย
แต่ก็พยายามตั้งใจมากที่สุด...(เท่าที่จะทำได้)

ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีค่ะ...เพราะเป็นคอร์สที่อัดเต็มที่มากๆ
ฉันแอบไปนอนหลับกลางวันตั้งสองสามครั้ง..แหะๆ
ไม่เคยตื่นเช้ามืดขนาดนั้นนี่...ร่างกายมันทนง่วงไม่ไหวจริงๆ ค่ะ

แล้วก็ผ่านครั้งนั้นแบบ...เฮ้อ! จบซะที
ได้ถ่ายรูปกับคุณแม่ ดร.ศิริ กรินชัย ไว้เป็นที่ระลึกหนึ่งรูป
แต่เก็บไว้ที่ไหนแล้วก็ไม่รู้

เมื่อมีครั้งที่หนึ่ง ครั้งที่สอง สาม สี่....มันก็ตามมา
เริ่มใช้วัดเป็นสถานที่พักใจมากกว่า...ยังไม่เห็นสัจธรรมทางโลกเท่าไหร่
อกหัก..ก็เข้าวัด
เหนื่อยกับโลก...ก็เข้าวัด
ไปเอง...หาเองไม่ต้องมีใครชวนละ
ไปคนเดียวก็ไป...นอนคนเดียวก็นอน
กลัวไหมก็มีกลัวบ้าง...แต่ทำใจดีสู้เสือเอาไว้

เกิดมาทำไม..?

เกิดมาทำไม..? คำถามนี้เชื่อว่าหลายคนคงเคยถามกับตัวเอง
ฉันจำไม่ได้ว่าคำถามนี้เกิดขึ้นมานานเท่าไหร่แล้ว...
เมื่อลองนึกย้อนเข้าไปถึงความรู้สึกเมื่อตอนเกิดคำถาม
ตอนนั้นมันรู้สึกหดหู่และเศร้าๆ พิกล
จากที่เคยใช้ชีวิตมาอย่างปกติชนคนทั่วไป...กินเที่ยวเล่นทำงานไปตามประสา
จนกระทั่งวันหนึ่งไม่รู้สมองมันมาลำดับเหตุการณ์จากตรงไหน
คิดถึงวันที่ตัวเองต้องตายไป...
ความคิดมันก็วูบมาตรงปัจจุบันว่าแล้วเราจะทำทุกอย่างไปเพื่ออะไร?
มันไร้สาระสิ้นดีที่จะต้องเกิดมาแล้วก็ทำๆ ไปตามเหตุผลของอะไรก็ไม่รู้
แล้ววันหนึ่งก็ไม่เหลืออะไรแม้แต่ชีวิตตัวเอง

ทำไมต้องมาทนเหน็ดเหนื่อยเรียนหนังสือตั้งหลายปี
ให้พ่อให้แม่ต้องมาลำบากเหนื่อยยากหาเลี้ยงเราเพื่อว่าวันหนึ่งก็ต้องตาย

ทำไมต้องมาทนเหน็ดเหนื่อยทำงานหาเงินเพื่อซื้อหาซื้อกิน
วนเวียนเป็นวงกลมอยู่เพื่อวันหนึ่งก็ต้องตาย

ทำไมต้องมาแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นเพื่อหน้าตา เพื่อเกียรติยศบ้าบอ

งั้นตายซะเลยดีกว่า!

แต่เคยรู้มาว่าการฆ่าตัวตายเป็นบาปมหันต์
ต้องเกิดแล้วตาย เกิดแล้วตายไม่รู้อีกเมื่อไหร่จะจบสิ้น
พุทธศาสนาสอนไว้ว่า ชีวิตนี้มีอดีต มีปัจจุบัน มีโลกนี้ มีโลกหน้า
เราเคยเกิดมาแล้วนับชาติไม่ถ้วน...!

ถ้าต้องเกิดมาอีก...แค่คิดก็ทรมานจะตายแล้ว

แล้วจะทำอย่างไร?...
ทำอย่างไรถึงจะไม่ต้องเกิดอีก...

ทางเดียวที่นึกได้ต่อมาก็คือ...
"ต้องปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า"

เราจะทำได้มากน้อยแค่ไหน...ไม่ต้องคำนึง
เป้าหมายคือ "นิพพาน" ตายแล้วไม่ต้องเกิด..พอแล้ว
หวังมากไปไหม...?
ควรจะหวังเท่านี้ไม่ใช่หรือสำหรับชีวิตนี้ที่ได้พบพระพุทธศาสนา
แล้วค่อยๆ ก้าว ค่อยๆ สะสมไปทีละนิดทีละหน่อย
ตามแต่กำลังบุญของตัว..ก็น่าจะถึงได้สักวัน