วันพฤหัสบดีที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2553

พรหมวิหาร 4

พรหมวิหาร 4 เป็นหลักธรรมประจำใจเพื่อให้ตนดำรงชีวิตได้อย่างประเสริฐและบริสุทธิ์เฉกเช่นพรหม ประกอบด้วยหลักปฏิบัติ 4 ประการ คือ

  1. เมตตา ความปรารถนาอยากให้ผู้อื่นมีความสุข
  2. กรุณา ความปรารถนาอยากให้ผู้อื่นพ้นทุกข์
  3. มุทิตา ความยินดีที่ผู้อื่นมีความสุขในทางที่เป็นกุศล
  4. อุเบกขา การวางจิตเป็นกลาง การมีเมตตา กรุณา มุทิตา เป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าตนไม่สามารถช่วยเหลือผู้นั้นได้ จิตตนจะเป็นทุกข์ ดังนั้น ตนจึงควรวางอุเบกขาทำวางใจให้เป็นกลาง และพิจารณาว่า สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมที่ได้เคยกระทำไว้ จะดีหรือชั่วก็ตาม กรรมนั้นย่อมส่งผลอย่างยุติธรรมตามที่เขาผู้นั้นได้เคยกระทำไว้อย่างแน่นอน)

วันศุกร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2553

พระแม่ลักษมี




มหาลักษมี ศโลก
โอม...วิษณุ ปริเย นะมัสสะตุภะยัม นะมัสสะตุภะยัม ชัคทะเต อทรัตหันตริ นะมัสสะตุภะยัม สะมฤทะธัม กุรุ เม สะทา นะโม นะมัสเต มะหานะมาเย ศรีปิเฐ มุระปุชิเต ศังขะจักรัคคะทาทัมมะเน มะหาลักษมี นะโมรัสสะเต


ลักษมี คายตรี
โอม...มหาลักษะมะเย จะ วิทัมเห วิษณุ ปะริยาแย ธีมหิ ตันโน ลักมีช ประโจทะยาต

สิทธิ ลักษมี มนต์
โอม...เอม กลีม โสน เอม หรีม ศรีม โอม นะโม ภัคคะวะตี มาตาคีศะวะรี สะระวะชันมะโนหาริณี สะระวะราช วะศัม กรี สะวัมมุขะรัมชะนิ สะระวัสตะโร ปุรุษวะศังกรี สะระวะทุษฏะ มฤควะศังกรี หรีม ศรีม กะโลน เอม โอม


มหาลักษมี มนต์์
โอม...หรีม ศรีม กัมมะเล กัมมะลาละเย ปะระสีท ปะระสีท ศรีม หรีม โอม...มหาลักษมะแย นมัช


ราธา คายตรี
โอม...วฤษภานะชาแย วิทัมเห กฤษณา ปริยาแย ธีมหิ ตันโน ราธา ประโจทะยาต


บทต่อไปเป็นบทสวดที่พราหมณ์โบสถ์เทพมณเฑียรใช้สวดขอพรจากพระแม่ลักษมี
และเป็นการสรรเสริญพระแม่ลักษมีพร้อมพ่อนารายณ์

โอม ศานตาการัม พุธะคะศะยะนัม ปัททะมะนาภัม สุเรศัม วิศาวาธารัม คะคะนะศะธะรึ ศัม เมฆะวัณณัมสุภางค์คัม ลักษมีการตัม กะมะละนะยะนัม วันเท วิษณุม ภะวะภะยะหะรัม ศันเทวะโลกัยกะนาถัม



ขอบคุณที่มา : http://www.missladyboys.com/

วันอังคารที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2553

วันจันทร์ดับ-ภาคพิธีกรรม

ภาคพิธีกรรมขอเงินจันทร์

ภาคพิธีกรรมใน วันขอเงินจากพระจันทร์นั้น ท่านสามารถเริ่มทำพิธีกรรมในเวลาใดก็ได้ตามที่ท่านสะดวก แต่ต้องก่อนและหลังเวลาหลักบวกลบไม่เกิน 12 ชั่วโมงจากเวลาขอเงินจากพระจันทร์ เช่น ในเดือนพฤศจิกายน เวลาขอเงินจากพระจันทร์ คือ เวลา 23.59 น.ก่อนเวลาหลัก 12 ชม. คือตั้งแต่เวลา 12.00 น.เป็นต้นไป หลังเวลาหลัก 12 ชม. ก็ตั้งแต่เวลา 23.59 น.เป็นต้นไป เพราะถือว่าวันนั้นเป็นวันที่ดีตลอดวัน แต่ถ้าจะให้ดีที่สุด ก็ต้องเป็นเวลาหลักที่ผมให้มา ในเรื่องของพิธีกรรมนั้น อันที่จริงแล้ว ในวันนั้น ท่านควรจะไปวัด เพื่อรับศีลจากพระ แต่ถ้าไปไม่ได้ ก็ให้ใช้ห้องพระ หรือพระพุทธรูปประจำบ้านเป็นประธานในการทำสิ่งที่ดีงาม ซึ่งท่านควรเปลี่ยนน้ำในหิ้งพระเสียใหม่ นำดอกไม้ธูปเทียนไปบูชา โดยเฉพาะดอกไม้ที่หอม ๆ หรือตั้งโต๊ะบวงสรวง อันประกอบด้วย ผลไม้ 5-9 อย่าง แล้วจุดธูปเทียนบูชา 15 ดอก ตามกำลังของพระจันทร์

สิ่งที่จะมาเป็นสื่อในการที่จะขอโชคขอลาภจากพระจันทร์ ให้ท่านเตรียมเงิน โดยที่ท่านต้องนำเงินที่เบิกออกมาจากธนาคาร กดออกมาจากเอทีเอ็ม หรือที่เก็บเอาไว้เอาออกมาให้ได้มากที่สุด เก็บใส่กระเป๋าสตางค์ที่ใช้เป็นประจำ และต้องตั้งใจด้วยว่า ในช่วงวันที่เป็นวันพระจันทร์ดับ ภายใน 1-2 วัน ห้ามใช้เงินในส่วนที่เก็บไว้ในกระเป๋านี้ ถ้าต้องใช้ให้แยกส่วนที่จะใช้ในวันนั้นต่างหาก อาจจะไว้ในกระเป๋าเสื้อ กระเป๋ากางเกง ใส่ซอง เพื่อเป็นสิริมงคล และให้นำกระเป๋าที่เก็บเงินเอาไว้ ไปตั้งไว้ในพานหรือไปวางไว้บริเวณหน้าพระพุทธรูป หรือห้องพระประจำบ้าน

วิธีอธิษฐาน ให้ ท่านสมาทานศีล 5 (หาคำสวดได้ในหนังสือสวดมนต์) ในวิธีการตรงนี้แหละ ที่จะทำให้ท่านมีความบริสุทธิ์โดยศีล และทำให้มีบารมีเพื่อสร้างบุญ สร้างบารมี การที่ท่านได้รับศีล รับพรจากพระ หรือสมาทานศีลเองจากพระพุทธรูป ตลอดจนการที่ท่านได้ไปทำบุญบริจาคทาน จะทำให้ท่านมีพลังบารมีที่จะได้ประกาศ มีประกาศิตขออะไรก็ได้สมดังที่ปรารถนา เมื่อท่านสวดมนต์ เรียบร้อยแล้ว ให้ท่านสวดบทชุมนุมเทวดา


“สัคเค กาเม จะ รูเป คิริสิขิระตะเฏ จันตะลิกเข วิมาเน ทีเป รัฏเฐ จะ คาเม
ตะรุวะนะคะหะเน เคหะ วัตถุมหิ เขตเต ภุมมา จายันทุ
เทวา ชะละถะละ วิสะเม ยักขะ คันธัพพะนาคา ติฏฐันตา
สันติเกยัง มุนิวะระวะจะนัง สาธะโว เม สุณันตุฯธัมมัสสะวะ นะกาโล
อะยัมภะทันตา ธัมมัสสะวะ นะกาโล อะยัมภะทันตา ธัมมัสสะวะ นะกาโล อะยัมภะทันตาฯ”

จากนั้นให้ท่านนำเงินที่ท่านเตรียมไว้แล้วกล่าวคำอธิษฐานว่า “ข้าพเจ้า (ชื่อ/ นามสกุล ของท่าน) ขออุทิศส่วนบุญ ส่วนกุศลที่ข้าพเจ้าได้สร้างมาแต่อดีตชาติ ถึงปัจจุบัน ให้แก่เจ้ากรรมนายเวร และสรรพสัตย์ทั้งหลาย ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนบุญ ส่วนกุศลทั้งหลายให้เทพเทวา นาคาทุกหมู่เหล่า ตลอดถึงเทพพระอาทิตย์ เทพพระจันทร์ จงได้รับอานิสงส์แห่งผลบุญนี้ ที่ข้าพเจ้าได้สร้างในวันนี้โดยเร็วพลัน เมื่อได้รับผลบุญนี้แล้ว ก็ขอให้ท่านทั้งหลายประทานพรอันประเสริฐให้ข้าพเจ้ามีโชคลาภ มีเงินตราตามที่ปรารถนา จากสิ่งที่ทำด้วยความวิริยะอุตสาหะ ขอให้ได้รับความสำเร็จในเรื่องของการงาน ความสำเร็จในเรื่องความรัก ความสำเร็จในเรื่องของชีวิต …………………..”

คุณจะขออะไร คุณก็อธิษฐานไป ให้อยู่ในกรอบของเหตุผล ศีลธรรมอันดีงาม บุญวาสนาเก่าที่คุณสร้าง จะมีส่วนเกื้อกูลให้เชื่อมต่อกับบุญปัจจุบัน บุญกุศลที่สร้างในปัจจุบัน จะมีเหตุให้เชื่อมต่อถึงผลที่ได้รับในปัจจุบัน เมื่ออธิษฐานแล้ว ก็อย่าลืมทิ้งท้ายว่า ขอให้พระอาทิตย์ และพระจันทร์นำพาโชคลาภและความสำเร็จ จงบังเกิดแก่ข้าพเจ้า ด้วยอานิสงส์แห่งบุญที่ได้สร้างสมมาแต่ในอดีต ปัจจุบัน เป็นพละปัจจัยทำให้มีความสุข สมหวังทุกประการ นับตั้งแต่วินาทีนี้ ตราบไปเมื่อหน้าเทอญ” ที่อธิษฐานแบบนี้ ถือเป็นการเร่งบุญ ไม่ให้บุญที่ทำนั้น ไปสะสมในชาติในภพอื่น และอย่าลืมอุทิศส่วนบุญ ส่วนกุศลให้พระจันทร์ พร้อมทั้งเจ้ากรรมนายเวร ด้วยทุกครั้ง


พิธีการขอเงินจากพระจันทร์นั้น ถ้าท่านทำตามลำดับที่ได้กล่าวมาข้างต้นนี้ ถือว่าสัมฤทธิ์ผลที่สุด ส่วนท่านจะเปลี่ยนจากเงินเป็นล็อตเตอรี่ที่ไปซื้อมา เพื่อให้ถูกรางวัลก็ทำได้ด้วยเช่นเดียวกัน การอธิษฐานขอเงินจากพระจันทร์ การอธิษฐานขอความสำเร็จจากพระจันทร์ ในเรื่องอื่น ๆ ก็สามารถทำได้ด้วยเช่นเดียวกัน ให้สมหวังในเรื่องการงาน การเรียน ความรัก หรือเรื่องอื่น ๆ ที่ท่านปรารถนา ขอให้ลองปฏิบัติดู จะประสบความสำเร็จมากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับบุญหรือกรรมเก่าที่ได้สร้าง หรือสะสมเอาไว้ ถ้าท่านได้สร้างหรือสะสมเอาไว้มาก ก็มีโอกาสได้รับความสำเร็จมาก ถ้าสร้างไว้น้อย ก็ได้รับความสำเร็จน้อย ตรงนี้เป็นเรื่องที่แข่งกันไม่ได้ครับ เพราะเป็นเรื่องของวาสนาบารมี ที่สำคัญการขอพรจะสัมฤทธิ์ผลมากหรือน้อยนั้น จิตใจท่านต้องมีเมตตา ต้องยึดหลักพรหมวิหาร 4 เมตตา กรุณา มุฑิตา อุเบกขา

อ.ลักษณ์นำเคล็ดลับนี้มาเผย แพร่ให้กับศิษยานุศิษย์ ตลอดจนประชาชนทั่วไป ผ่านหนังสือพิมพ์ นิตยสารต่าง ๆ ที่ อ.ลักษณ์ เป็นคอลัมนิสต์อยู่ ปรากฏว่าได้รับการยอมรับเป็นอย่างดี และเกิดผลดีอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าเมื่อทำแล้ว ประสบความสำเร็จ เป็นผลดี สำหรับท่านที่ยังไม่เห็นผล ก็รู้สึกดีที่ได้ทำ รู้สึกมีสติ ที่จะระลึกถึงการทำดี คิดดี พูดดี ใน 1 วันนั้นที่เป็นวันฟ้าเปิด และยังบอกต่อไปยังเพื่อน ๆ ให้ได้ทำความดีในวันนั้น ถึงแม้จะยังไม่เห็นผล แต่ก็รู้สึกอิ่มเอิบที่ได้ทำดี ยังไปถึงคนอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน เหมือนเป็นการทำบุญโดยทางอ้อม

การขอเงินจันทร์ นั้น ต้องขึ้นอยู่กับบุญบารมีที่ท่านสะสมมาด้วย ไม่ใช่คิดว่าทำบุญแค่ครั้งเดียว แล้วจะมีโชคมีลาภ แบบนี้เทวดาคงไม่ประทานพร การทำบุญนั้น ต้องทำอยู่เป็นประจำอย่างต่อเนื่องครั้ง จึงจะเป็นพลังบุญบารมีให้ท่านได้อธิษฐานขอพรจากเทพยดาได้


ขอบคุณที่มา : อ.ลักษณ์ http://www.horotoday.com/?p=115



บทความที่เกี่ยวข้อง

วันจันทร์ดับ

วิธีปฏิบัติตนในวันขอเงินจากพระจันทร์

ในวันที่กำหนดให้เป็นวันขอเงินจากพระจันทร์นั้น ให้ท่านทั้งหลายทำใจให้สบาย
วันนั้นการทะเลาะเบาะแว้งกับใคร จนทำให้เกิดอารมณ์ขุ่นมัว ไม่สมควรทำเด็ดขาด
พยายามทำให้วันนั้นเป็นวันที่สงบ ราบเรียบ ในวันจันทร์ดับนั้นควรไปปฏิบัติธรรม
รับศีล อยู่ใกล้ชิดผู้ใหญ่ สมณะชีพราหมณ์ แบบนี้จะเป็นมงคลอย่างมาก เป็นเรื่องที่ควรกระทำ
พยายามที่จะทำในสิ่งที่ดี เพื่อสะสมเป็นบุญบารมีที่จะนำไปสู่การขอเงินจากพระจันทร์
ในวันจันทร์ดับนั้น ถ้าเป็นไปได้ ท่านต้องทำจิตใจให้สงบ เช้าควรไปทำบุญตักบาตร
ถวายสังฆทาน ปล่อยชีวิตสัตว์ เพื่อจะได้มีอานิสงส์แห่งบุญ ที่จะไปเชื่อมต่อรอยบุญ
และหากไม่มีโอกาสไปทำบุญกับพระที่วัด
แต่คุณพ่อคุณแม่อยู่ด้วยที่บ้าน ท่านก็สามารถไปกราบขอพรจากท่านได้ เพราะพ่อแม่
บุพการีนั้น ถือเป็นพระพรหมผู้ให้กำเนิด ให้ท่านพูดดีๆ กับเรา
อวยชัยให้พรกับเรา แล้วท่านก็จะประสบความสุข ความสำเร็จตามที่ปรารถนา
ทำให้มีพลังชีวิตที่จะต่อสู้กับอุปสรรค วันที่เป็นวันพระจันทร์ดับนั้น
ควรหาโอกาสบริจาคทานให้แก่ผู้ยากไร้ ให้แก่บุคคลที่ขาด
เมื่อท่านต้องการในเรื่องใด ขาดในเรื่องใดของชีวิต ก็ขอให้ทำบุญให้กับคนที่ขาดในเรื่องนั้น
เช่น ท่านขาดความรัก ก็ทำบุญให้กับคนที่ขาดความรัก ที่บ้านเด็กกำพร้า
ถ้าท่านต้องการที่พึ่งพา ก็ทำบุญที่บ้านพักคนชรา ทำบุญกับโรงพยาบาลสงฆ์
และประการสำคัญ ในวันจันทร์ดับนั้น ห้ามอย่างยิ่งที่จะให้ใครหยิบยืมสตางค์
อย่าให้ใครมาทวงหนี้ หรือพยายามอย่าให้มีเหตุการณ์ที่ไม่ดีทั้งหลายเกิดขึ้น
เพราะถ้าเกิดขึ้น เหตุการณ์นั้นจะดำรงคงอยู่ไป 1 เดือนเต็ม นับตั้งแต่วันพระจันทร์ดับเลยทีเดียว


ขอบคุณที่มา : http://www.horotoday.com/


บทความที่เกี่ยวข้อง

พุธที่ 10 ส.ค.2553

วันพุธที่ 10 ส.ค. 2553 เป็นวันพระ และเป็นวันจันทร์ดับ
หรือเรียกกันอีกอย่างว่าเป็นวัน Full Moon
เราบังเอิญได้รู้มาว่าวันจันทร์ดับเป็นวันขอเงินจันทร์
เราก็เลยลองขอจันทร์ดูบ้าง...แหะๆ

เป็นโชคดีที่วันนี้เราได้ไปประชุมแทนท่านผู้จัดการ...เพราะมันใช้เวลาแค่ครึ่งวัน
หลังจากนั้นเราก็จะมีเวลาเป็นของเรา
หลังจากประชุมเสร็จเราก็แวะตลาดซื้อผลไม้ ดอกไม้-มาลัย
กลับถึงห้องอาบน้ำแต่งตัว เตรียมของที่ซื้อมาบูชาพระ
สวดมนต์ นั่งสมาธิเพื่อทำจิตใจให้สงบผ่องใส...เพื่อรับกับวันดีๆ อย่างนี้

วันจันทร์ดับที่เขาเรียกกัน หรือวันขอเงินจากพระจันทร์นั้น เป็นวันที่ฟ้า
หมายถึง สวรรค์ และพื้นภพของมนุษย์ พื้นภพของนาคา พื้นภพของนรก ประตูทุกแดนภูมิจะเปิด
และเป็นวันที่พระอาทิตย์ พระจันทร์ทำมุมที่เอื้อประโยชน์ ต่อมวลมนุษยชน และประชาชนโดยทั่วไป
ซึ่งวันฟ้าเปิดนั้น จะมีเพียงเดือนละ 1 วันเท่านั้น
แต่ในวันที่ดีอย่างนี้ เราจะต้องทำอย่างไรให้วันนั้นเกิดประโยชน์
เกิดโชคลาภ หรือมีความสำเร็จเกิดขึ้น


บทความที่เกี่ยวข้อง

หลวงปู่แหวน:ตั้งสัจจะ-ตอนที่ 2

เราต้องตักเตือนข่มขู่ ชักจูงแนะนำจิตของเราด้วยอุบายแยบคาย ถ้าจิตใจมันเกียจคร้าน เราต้องหาอุบายมาตักเตือน ชักจูงแนะนำ ให้มีความอาจหาญ ร่าเริง ให้เกิดความอุตสาหะขยันหมั่นเพียร ไม่ปล่อยให้จิตนิ่งเฉยเกียจคร้าน

เราต้องละความเกียจคร้าน ความไม่ดีของจิตด้วยการอบรมภาวนาอย่างนี้ ถ้าเราตักเตือนชี้นำด้วยอุบายอันชอบ ในที่สุดจิตก็จะฟังเหตุผล เกิดความมุมานะพยายามในความเพียร เราต้องข่มขู่ตักเตือนบ่อยๆ ในสมัยที่จิตนิ่งเฉยต่อความเพียร

ถ้าเราคอยประคับประคองจิต ด้วยอุบายข่มขู่ตักเตือน ด้วยอุบายแยบคาย จิตย่อมจำนนต่อเหตุผล ระวังรักษาสติไว้อย่าให้หลงลืม ฝึกหัดให้เกิดความรู้ความฉลาดเกิดขึ้นในจิตในใจของตน

จิตของเราถ้ามันเกียจคร้านขึ้นมามันจะให้เรานอนท่าเดียว ถ้ามันเกิดอย่างนี้ขึ้นมา เราต้องหาอุบายมาข่มขู่ตักเตือน อุบายใดที่ยกขึ้นมาชี้แจงแล้วจิตยอมเชื่อฟังนั่นแหละคืออุบายที่ควรแก่จิตใน ลักษณะนั้น และในขณะนั้นๆ ถ้าเราไม่ข่มขู่ชี้โทษโดยอุบายที่ชอบ ใครเขาจะมาตักเตือนเรา บางครั้งจิตถ้ามันเกียจคร้านขึ้นมา มันจะวางเฉยในอารมณ์ทั้งหมด ในลักษณะเช่นนี้แหละ เราต้องหาอุบายมาทำให้จิตตื่นให้ได้ เช่นไหว้พระสวดมนต์ หรือยกธรรมบทใดบทหนึ่งขึ้นมาพิจารณา

ให้ตั้งอยู่ในความหมั่นความเพียร ในคุณงามความดีของตน พยายามเพ่งดูในจิตในใจของเรานี้แหละ ถ้าไม่อาศัยความขยันหมั่นเพียร ไม่ได้ จิตเรานี้มันมักจะไหลไปสู่อารมณ์ต่างๆ เป็นอดีตอนาคตไป เราต้องหาอุบายมาชี้แจงให้ตั้งอยู่ในปัจจุบันธรรม

ถ้าเราไม่หมั่นหาอุบายมาอบรมจิตแล้ว ส่วนมากจิตมักจะเกิดความเฉื่อยชา วางเฉย ดังนั้น อุบายจึงเป็นของสำคัญ ยกขึ้นสู่การพิจารณาชี้แจง ให้จิตอาจหาญ ร่าเริง เห็นแจ้งในจิตในใจของเรา ถ้าจิตยิ่งเกิดเกียจคร้านเท่าไรเราก็ต้องเพิ่มความพยายามตักเตือน โดยอุบายให้มากขึ้นให้เท่าเทียมกัน จนเกิดความขยันขันแข็ง เบิกบานผ่องใส

ให้ตั้งอกตั้งใจตั้งสัจจะตรงต่อคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ให้เกิดความอุตสาหะวิรยะ ความพากความเพียร ในภาวนาในคุณความดี

ให้ตั้งอยู่ในสิกขาวินัย ในความหมั่นความเพียร

ให้ตั้งความสัจจ์ความเพียรไว้อย่าเป็นคนเกียจคร้าน พระพุทธเจ้าสั่งสอนเราให้ตั้งอยู่ในมรรคในผล ให้พยายามรักษาจิตรักษาใจของเราอาศัยความองอาจกล้าหาญ ในความพากความเพียรของเรา อย่าอ่อนแอท้อแท้ เราต้องสู้กับทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้าองอาจกล้าหาญจึงจะผ่านอุปสรรคไปได้

ให้รักษาตา รักษาหู รักษาจมูก รักษากาย รักษาใจ ของตน ในทุกอิริยาบท ยืน เดิน นั่ง นอน


ขอบคุณที่มา : http://board.palungjit.com/f131/ให้ตั้งสัจจะ-หลวงปู่แหวน-220070.html


บทความที่เกี่ยวข้อง

หลวงปู่แหวน:ตั้งสัจจะ-ตอนที่ 1

การปฏิบัติเราจะเดินก็ให้ตั้งสัจจะไว้ว่า จะเดินเท่านี้เท่านั้น หรือเราจะนั่งวันหนึ่งคืนหนึ่ง หรือถ้าเราสู้ไม่ไหวเราก็เอาแต่พอสมควร ให้ตั้งใจจริงๆ

กำหนดตั้งสัจจะไว้ในจิตในใจ ละความมัวเมาออกให้หมด คอยกำหนดจิตเข้ามาสู่ภายในให้ใจเบิกบาน ตั้งความสัจจะว่าจะภาวนาเป็นเวลาเท่านั้นเท่านี้ หรือถ้าจะเดินก็ให้กำหนด ระวังรักษาจิตใจของเรา ให้แช่มชื่นเบิกบานไม่ปล่อยจิตปล่อยใจให้เป็นธรรมเมา รักษาจิตใจให้ตั้งอยู่เฉพาะธรรมโม

อย่าละความเพียรความพยายาม ให้เพียรไปติดต่อกัน จะเป็นวันหนึ่งหรือคืนหนึ่งก็ได้ เช่น ตั้งสัจจะว่าจะนั่งตลอดคืนจะไม่นอน อย่างนี้ตั้งสัจจะไว้อย่างนี้เป็นการดี ตั้งสัจจะต่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แล้วตั้งใจให้ดี คอยระวังรักษาจิตใจของเรานั้นแหละ ให้ผ่องใสตลอดไป

ให้พยายามรักษาความดีความหมั่นความขยันของเราไว้ ให้สละความเกียจคร้านออกไปเสีย ปกติจิตของเรานี้มักจะไหลไปสู่ความเกียจคร้านความลุ่มหลง
เราต้องพยายามหาอุบายมาเตือนตนอยู่เสมอ ด้วยความเพียรความหมั่น ให้รักษา กาย วาจา ใจ ของเราให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ในสิกขาวินัย นำความผิดความชั่ว ออกจากกาย จากวาจา จากใจ

อาศัยความเพียรเป็นไปติดต่อ จึงจะชนะความเกียจคร้านได้ ความมัวเมา ความประมาทอันใดมีก็ให้ละเสีย ให้วางเสีย ทำจิตใจของเราให้ตั้งอยู่ในธรรมโม พิจารณากลับไปกลับมาอยู่อย่างนี้ ต้องอาศัยความเพียรความหมั่นความขยัน ไม่เช่นนั้นจิตมันจะตกไปสู่ความเกียจคร้าน


ขอบคุณที่มา : http://board.palungjit.com/f131/ให้ตั้งสัจจะ-หลวงปู่แหวน-220070.html


บทความที่เกี่ยวข้อง

วันพุธที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ตัวอย่าง คำอธิษฐานฝากกระแส

ตัวอย่าง คำอธิษฐาน ฝากกระแสไว้กับพระพุทธรูป

เพื่อหวังเอาผลบุญกับทุกดวงจิตที่เลื่อมใสหรือเข้ามากราบไหว้ร่วมบุญกับรูปธรรมธาตุที่ตนได้สร้างเอาไว้ รวมไปถึงการสร้างวัดหรือโบสถ์วิหาร ทุกครั้งที่มีผู้เจริญในธรรมมาอาศัยโบสถ์วิหารนั้นสร้างกุศล ผู้สร้างจึงได้ผลบุญด้วย ด้วยเหตุนี้ผลแห่งวิหารทานจึงมากกว่าสังฆทานมากมายนัก


คำอธิษฐานเมื่อร่วมสร้างพระพุทธรูป...โดยครูบาชัยยะวงศาพัฒนา
วัดพระบาทห้วยต้ม อ.ลี้ จ.ลำพูน


"ข้าพระพุทธเจ้า ได้ร่วมสร้างพระพุทธรูปและเอาพระธาตุบรรจุไว้ที่นี่
ไว้เป็นที่สักการะของมนุษย์และเทวดาเช่นนี้ ขอให้เป็นกุศลอันยิ่งใหญ่
ข้าพระพุทธเจ้าขอปราถนาเอากุศลจากผู้มากราบไหว้ ขอให้ได้ทุกผู้กราบผู้ไหว้
ให้มีความสุข ความเจริญ อีกประการหนึ่ง ขอบุญนี้จงไปปิดทับ อบายภูมิทั้งสี่
ขอบุญอันนี้เกิดขึ้นเฉพาะ ขอให้ข้าพระพุทธเจ้าสามารถว่ายข้ามมหาสมุทร
ข้ามพ้นวัฏสงสาร ถึงพระนิพพานเป็นที่สุด ขอให้ได้บุญทุกวันทุกเวลา
จากผู้กราบไหว้ด้วยเทอญ....."



ขอบคุณ : http://www.watthummuangna.com/




บทความที่เกี่ยวข้อง

อธิษฐานบารมี - ตอนจบ

การฝากกระแส...ความฉลาดในอธิษฐานบารมี

ปกิณกะเทคนิคการฝากกระแส

1. การฝากตนเองเป็นลูก หรือลูกศิษย์แก่ พระฯหรือ เทพ-พรหม หรือครูบาอาจารย์นับถือ
2. การฝากกระแสสร้างบารมีต่อผู้มีกำลังท่านอื่นๆ (ที่บางสายเรียกว่าการแบ่งภาค)
3. การฝากกระแสไว้กับวัด พระพุทธรูป พระเครื่อง
4. การฝากกระแสไว้กับธาตุ เส้นเกษา หรือพระธาตุ
5. การฝากกระแสไว้ที่พระนิพพาน
6. การฝากกระแสไว้ที่ดุสิต
7. การฝากกระแสไว้เพื่อค้ำเมือง
8. การฝากกระแสไว้กับอักขระ คาถา
9. การฝากระแสไว้ในอากาศ หรือวิญญานธาตุ หรือองค์สัญญา
10. การฝากกระแสเพื่อการจุติใหม่โดยไม่ผ่านภูมิสวรรค์ หรือพรหมโลก (ตายแล้วเข้าท้องเลย)
11. การฝากกระแสไว้ที่อาทิสมานะกาย หรือเจตภูติ หรือเทพผู้ที่มีศักดา
เพื่อการทำหน้าที่แทน อย่างการรับบน ตลอดจนเพื่อเป็นกำลังกั้นตัวเองมิให้ตกอบาย หรือกลับมาสอนสรรพวิชาให้แก่ตนเอง
12. การฝากกระแสไว้ที่สรรพว่านยาของพระฤาษี
13. การฝากกระแสไว้ที่ธาตุวัตถุที่ประกอบไปด้วยความเชื่อ เช่น เหล็กไหล ดวงแก้ว
14. การประทับรอยพระพุทธบาท การอธิษฐานประธาตุ
15. การฝากกระแสไว้เพื่อสร้างบารมียามหลับ หรือทุกขณะเวลาทั้งยามหลับยามตื่น ยามรู้ตัว ยามมิรู้ตัว
16. การฝากกระแสเพื่อปรนนิบัติ และเรียนรู้สรรพวิชาจากครูบาอาจารย์ แม้มิมีโอกาสได้อยู่ไกล้ครูบาอาจารย์ก็เหมือนอยู่ไกล้
เพราะไม่ว่าท่านจะสอนใครเราก็รับรู้ ได้ยิน หรือสามารถเข้าใจได้โดยง่าย เมื่อมีคนมาเล่าให้ฟัง (อย่างนี้โบราณท่านเรียกครูพักลักจำ)
17. อื่นๆ

จากที่อธิบายมาข้างต้นนั้น หากผู้เข้าใจในเรื่องของกระแส-เรื่องของพลังงานได้ระดับหนึ่งแล้ว
ได้อ่านปกิณกะเทคนิคการฝากกระแสตามตัวอย่างข้างต้น ก็คงพอจะทดลองทำ หรือพัฒนาให้ปลีกย่อยพิสดารยิ่งๆ ขึ้นไปได้

อันวิชาของพระฯ วิชาของหลวงปู่นั้นมีมากมายกว่า 108 ประการขอเพียงมีจิตเปิดกว้างรับสิ่งใหม่ๆ หมั่นพัฒนาตนเองอยู่เสมอ ที่สำคัญให้หาเป้าหมาย หาที่ลงให้เจอเพื่อมิให้หลงทาง(พระนิพพาน) การปฏิบัติของท่านก็จะก้าวหน้าลึกซึ่งยิ่งขึ้นเรื่อยๆไป จนเมื่อถึงจุดลงก็จะพบกับความสามัญอีกครั้งหนึ่ง

ขอโมทนาบุญกับคุณ Attawat_Rx
http://watthummuangna.com/



บทความที่เกี่ยวข้อง